ปรับมุมมองกับอานนท์ จงรักษ์: กุญแจสู่การพัฒนาตนเองและความสำเร็จในยุคเปลี่ยนแปลง
เผยเคล็ดลับการเปลี่ยนแปลงมุมมองและการบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาตนเองกว่า 15 ปี
บทนำ: ทำไมการปรับมุมมองจึงมีความสำคัญในยุคปัจจุบัน
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง การปรับมุมมอง กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บุคคลและองค์กรสามารถก้าวผ่านความท้าทายได้อย่างมั่นคง อานนท์ จงรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองและการเปลี่ยนแปลงมุมมอง ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ได้เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงมุมมอง คือกุญแจสำคัญต่อการเติบโตในชีวิตประจำวันและการทำงาน
การปรับมุมมองทำให้เราเห็น ความเป็นไปได้ใหม่ๆ แทนที่จะถูกตีกรอบด้วยแนวคิดเก่า ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางอารมณ์และความคิด ตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ที่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจหรือเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานแบบเดิมอย่างรวดเร็ว บุคคลที่สามารถปรับมุมมองได้จะมองเห็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ขณะที่คนที่ยึดติดกับมุมมองเดิมมักจะพบกับความล้มเหลวหรือความเครียดสูง (Senge, 1990)
ข้อดีของการปรับมุมมอง คือช่วยเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขปัญหาและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขณะเดียวกัน อาจมีข้อจำกัดในแง่ของเวลาและความพยายามที่จะต้องเปิดรับและฝึกฝนตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน โดยอานนท์แนะนำให้เริ่มต้นจากการฝึกสังเกตและวิจารณ์ความคิดของตนเองอย่างเป็นกลาง ซึ่งตรงกับแนวทางการเรียนรู้เชิงวิพากษ์ที่ได้รับการยอมรับในวงการพัฒนาตนเอง (Brookfield, 2017)
ในเชิงวิชาการและปฏิบัติ อานนท์ยังได้นำเสนอกรณีศึกษาจากองค์กรชั้นนำ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยการสร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและมุมมองใหม่ อย่าง Google และ Amazon ซึ่งช่วยให้พวกเขาคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง (Dyer et al., 2013)
สรุปได้ว่า การปรับมุมมอง ไม่ใช่เพียงแค่เทคนิคหนึ่งในการพัฒนาตนเอง แต่เป็น หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน ในยุคที่โลกหมุนเร็ว การเปิดใจยอมรับและเรียนรู้ข้อจำกัดของตัวเองจะเป็นพื้นฐานในการสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนในบรรยากาศการเปลี่ยนแปลงนี้
ข้อมูลและแนวคิดในบทนี้อ้างอิงจาก Senge, P. (1990). The Fifth Discipline; Brookfield, S. (2017). Becoming a Critically Reflective Teacher; Dyer, J., Gregersen, H., & Christensen, C. (2013). The Innovator’s DNA.
การพัฒนาตนเอง: พื้นฐานของความสำเร็จและการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในบทนี้จะเป็นการเปรียบเทียบและวิเคราะห์องค์ประกอบของ การพัฒนาตนเอง ตามแนวคิดของอานนท์ จงรักษ์ ซึ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนมุมมองเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จในยุคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อานนท์นำเสนอว่าการพัฒนาตนเองเป็น กระบวนการต่อเนื่อง ที่ประกอบด้วยการเรียนรู้รู้จักตนเอง ปรับเปลี่ยนความคิด และการนำความรู้ไปปฏิบัติจริง รวมถึงการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ทักษะและมุมมองที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ใหม่ๆ
อานนท์ใช้ตัวอย่างจากการให้คำปรึกษาองค์กรขนาดกลางและบุคคลทั่วไปที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงาน ระบบดิจิทัล หรือวิกฤตการณ์ด้านสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งพบว่าบุคคลที่สามารถปรับมุมมองและพัฒนาทักษะตนเองอย่างต่อเนื่องจะมีแนวโน้มที่จะรักษาประสิทธิภาพการทำงานและสร้างความสมดุลในชีวิตที่ดีขึ้น
เครื่องมือที่อานนท์แนะนำ ประกอบด้วย:
- การใช้ แบบสอบถามเชิงจิตวิทยา เพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนส่วนบุคคล
- การฝึก Mindfulness และการทำสมาธิ เพื่อเพิ่มความสามารถในการตั้งใจและลดความเครียด
- การใช้เทคนิค Goal Setting และ SMART Goals เพื่อวางแผนพัฒนาทักษะอย่างเป็นระบบ
- Workshops และ Coaching ที่เน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมและมุมมองที่ลึกซึ้ง
เมื่อเทียบกับแนวทางการพัฒนาตนเองทั่วไป อานนท์เน้นย้ำถึงประสิทธิผลของการเปลี่ยนแปลงมุมมองเป็น กุญแจสำคัญ
เครื่องมือ/วิธีการ | ลักษณะและการใช้งาน | จุดเด่น | ข้อจำกัด | ตัวอย่างการใช้งานจริง |
---|---|---|---|---|
แบบสอบถามเชิงจิตวิทยา | วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนส่วนบุคคลและองค์กร | ช่วยให้เข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งและมีข้อมูลสนับสนุน | อาจขึ้นกับความซื่อสัตย์และความแม่นยำของผู้ทำแบบสอบถาม | องค์กรนำผลไปออกแบบโปรแกรมพัฒนาพนักงานเจาะจงทักษะ |
Mindfulness & Meditation | เพิ่มสมาธิ ลดความเครียด | เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและความยืดหยุ่นทางอารมณ์ | ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและใช้เวลา | ผู้บริหารใช้เพื่อรับมือความกดดันในสถานการณ์วิกฤต |
Goal Setting & SMART Goals | วางแผนเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ | ช่วยสร้างความมุ่งมั่นและติดตามการพัฒนาอย่างเป็นระบบ | อาจทำให้เกิดความยึดติดกับเป้าหมายเดิมถ้าไม่มีการปรับมุมมอง | ใช้ในโครงการพัฒนาผู้นำเพื่อวางเป้าหมายส่วนบุคคล |
Workshops & Coaching | ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทัศนคติ | สร้างแรงจูงใจและได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ | ค่าใช้จ่ายสูงและต้องการเวลาร่วมมือจากผู้เข้าร่วม | บริษัทเทคโนโลยีจัดอบรมเพื่อเพิ่มทักษะการปรับตัวของทีม |
โดยรวม การพัฒนาตนเอง ตามวิธีของอานนท์ไม่ได้หมายความแค่เพิ่มทักษะอย่างเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้ง มุมมองและแนวคิด ที่ส่งผลให้เกิดการปรับตัวได้ดีขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและซับซ้อน ความยั่งยืนของผลลัพธ์มาจากการบูรณาการเครื่องมือต่างๆ เข้ากับการทำงานและชีวิตจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยด้านจิตวิทยาการพัฒนาและรายงานจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น Carol Dweck (Growth Mindset) และ Peter Senge (Learning Organization) อย่างไรก็ตามการนำไปใช้ต้องพิจารณาบริบทเฉพาะบุคคลและองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
เปลี่ยนมุมมอง: ทางเลือกใหม่สำหรับการเติบโตและการเปิดรับโอกาส
ในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การเปลี่ยนมุมมอง ไม่ใช่เพียงแค่การรับรู้ไอเดียใหม่ ๆ แต่เป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาตนเองและความสำเร็จที่ยั่งยืน อานนท์ จงรักษ์ ซึ่งผ่านประสบการณ์กว่า 15 ปีในการให้คำปรึกษาและอบรม ได้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่เปิดใจรับความคิดที่แตกต่าง จะเป็นผู้ที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วทั้งในแง่บุคคลและองค์กร
ตัวอย่างที่ชัดเจนมาจากบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งที่อานนท์ได้ร่วมงานด้วย เดิมทีทีมงานมีความเชื่อว่าการทำงานต้องเป็นไปตามรูปแบบเดิมที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต แต่เมื่ออานนท์แนะนำให้ลองนำเทคนิคของการปรับมุมมองมาใช้ เช่น การวิเคราะห์ปัญหาอย่างลึกซึ้งและเปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย ผลลัพธ์กลับสะท้อนให้เห็นว่าทีมสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตามคำกล่าวของ Carol Dweck นักจิตวิทยาชื่อดังเรื่องแนวคิด “Growth Mindset” การเปลี่ยนมุมมองถือเป็นรากฐานของการเรียนรู้และการเติบโต เพราะช่วยให้เราไม่ติดอยู่กับกรอบเดิม ๆ และพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ที่อานนท์แนะนำให้ลองทำคือ
- ตั้งคำถามเชิงบวก แทนที่จะคิดว่า "ทำไมมันยากจัง" ให้ถามว่า "จะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร"
- เรียนรู้จากความล้มเหลว มองว่าล้มเหลวคือข้อมูลสำคัญในการปรับมุมมองใหม่
- ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย เพื่อผลักดันตัวเองให้ออกจากกรอบความคิดเก่า
อานนท์ยังเน้นย้ำว่า ความน่าเชื่อถือของวิธีการนี้อยู่ที่การลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ผ่านการฝึกฝนและเปิดใจให้กว้างขึ้น ผู้คนและองค์กรจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้และเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตัวอย่างในงานวิจัยของ Harvard Business Review (2020) ก็สนับสนุนแนวคิดนี้ ว่าการวิพากษ์และเปิดโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมุมมองช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมและความยืดหยุ่นในการทำงานอย่างมาก
สุดท้ายนี้ การเปลี่ยนมุมมองไม่ได้เป็นแค่ทักษะ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใส่ใจและปฏิบัติอย่างแท้จริง เพราะนั่นคือ สะพานสู่การเติบโตที่แท้จริงในชีวิตและองค์กรของเรา.
บริหารการเปลี่ยนแปลงในองค์กร: การปรับมุมมองเป็นกุญแจสำคัญ
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วและต่อเนื่อง การปรับมุมมอง จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อานนท์ จงรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองและการเปลี่ยนแปลงมุมมองด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่าง การเปิดรับการเปลี่ยนแปลง กับ ความสามารถในการปรับตัวขององค์กร ว่าเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้องค์กรไม่เพียงแค่รักษาความอยู่รอด หากแต่ยังสามารถเติบโตและสร้างนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง
อานนท์พบว่าการเปลี่ยนแปลงมุมมองเริ่มต้นจากการสร้างความเข้าใจในระดับบุคคล และขยายผลไปสู่ระดับองค์กร ผ่านกระบวนการส่งเสริมทัศนคติแบบ Growth Mindset และการสื่อสารที่โปร่งใส เพื่อให้พนักงานทุกระดับเห็นคุณค่าและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้องค์กรมีฐานความเชื่อมั่นและความร่วมมือที่แข็งแกร่ง
หนึ่งในกรณีศึกษาที่โดดเด่น คือการที่อานนท์ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ที่ต้องปรับตัวจากองค์กรแบบดั้งเดิมสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยเริ่มจากการจัดฝึกอบรมเพื่อเปลี่ยนวิธีคิดและมุมมองของผู้นำและพนักงานผ่านกิจกรรมที่เน้นการตั้งคำถามและการยอมรับความล้มเหลวเป็นโอกาสเรียนรู้ (Fail Fast, Learn Fast) ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ทุกคนเปิดใจรับแนวคิดใหม่ ๆ ส่งผลให้กระบวนการเปลี่ยนแปลงดำเนินไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์เป็นยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดได้ดียิ่งขึ้น
กลยุทธ์ | คำอธิบาย | ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น |
---|---|---|
การฝึกอบรม Growth Mindset | ส่งเสริมความคิดแบบเติบโต เน้นการยอมรับความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ | เพิ่มความยืดหยุ่นของพนักงาน ลดความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง |
การสื่อสารที่โปร่งใส | เปิดเผยข้อมูลและเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน | สร้างความเชื่อมั่นและมีส่วนร่วมจากทุกระดับในองค์กร |
กิจกรรมตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนความเห็น | จูงใจให้พนักงานมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและวิธีปฏิบัติใหม่ ๆ | วัฒนธรรมองค์กรมีความร่วมมือและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง |
จากการวิเคราะห์และประสบการณ์ของอานนท์ จงรักษ์ การปรับมุมมองไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงวิธีคิดส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการและนำพาองค์กรให้ก้าว ผ่านความท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคงและสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างยั่งยืน โดยหลักการเหล่านี้สอดคล้องกับแนวคิดของ Kotter’s 8-Step Change Model ที่แนะนำให้เริ่มจากการสร้างความรู้สึกร่วมและให้ความสำคัญกับการสื่อสารเป็นอันดับต้น ๆ (Kotter, 1996) และงานวิจัยเรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลงในองค์กรของ Prosci ที่เน้นการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวของบุคคลภายในองค์กร (Hiatt, 2006)
จะเห็นได้ว่า ความสำเร็จในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ย่อมเกิดจากการผสานรวมระหว่างการเปลี่ยนมุมมองที่ถูกต้องกับการใช้กลยุทธ์บริหารที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่อานนท์ จงรักษ์ ได้พิสูจน์ และนำไปใช้จริงจนเกิดผลสำเร็จในหลายองค์กรทั่วประเทศ
แหล่งที่มา: Kotter, J. P. (1996). Leading change. Harvard Business School Press. / Hiatt, J. (2006). ADKAR: a model for change in business, government and our community. Prosci Research.
เสริมสร้างความยืดหยุ่นทางจิตใจด้วยการเปลี่ยนมุมมอง
การเปลี่ยนแปลง มุมมอง ถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะสร้าง ความยืดหยุ่นทางจิตใจ (Resilience) ซึ่งช่วยให้บุคคลและองค์กรสามารถรับมือกับความเครียด ความล้มเหลว และสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้ดียิ่งขึ้น อานนท์ จงรักษ์ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในการพัฒนาตนเองและการบริหารการเปลี่ยนแปลง ชี้ให้เห็นว่า การเปิดใจรับและปรับเปลี่ยนมุมมองนั้นไม่ใช่แค่การยอมรับความจริง แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อค้นหาโอกาสใหม่ในวิกฤตต่าง ๆ
จากกรณีศึกษาที่อานนท์เคยร่วมดำเนินการกับองค์กรชั้นนำ พบว่า การฝึกฝนให้บุคลากรมี Mindset ปรับตัว กับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จะทำให้พวกเขามีความพร้อมรับแรงกดดัน จุดเปลี่ยน และความล้มเหลว โดยไม่เสียสมดุลจิตใจ ตัวอย่างเช่น ในองค์กรด้านเทคโนโลยีแห่งหนึ่งที่ประสบกับการลดทอนรายได้ อานนท์ได้จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปที่เน้นการเปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลว โดยแนะนำให้พนักงานเห็นความผิดพลาดเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับปรุงและเติบโต ทำให้องค์กรสามารถฟื้นตัวและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เทคนิคที่อานนท์แนะนำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจ ได้แก่
- การฝึกฝนสติ (Mindfulness): ช่วยให้ผู้ปฏิบัติรับรู้และยอมรับอารมณ์ความรู้สึกอย่างสมดุล โดยลดความวิตกกังวลและเพิ่มความชัดเจนในการตัดสินใจ
- การตั้งเป้าหมายแบบยืดหยุ่น (Flexible Goal Setting): การปรับเปลี่ยนเป้าหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกท้อแท้เมื่อเผชิญอุปสรรค
- เทคนิค Cognitive Reframing: การเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดจากลบเป็นบวก เพื่อมองโอกาสในทุกสถานการณ์
หลักการเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยต่างประเทศ เช่น การศึกษาของ Southwick et al. (2014) ที่ชี้ว่าความยืดหยุ่นทางจิตใจเพิ่มขึ้นเมื่อบุคคลสามารถเปลี่ยนมุมมองและตีความเหตุการณ์ในแง่บวก นอกจากนี้ กรอบแนวคิด Positive Psychology ของ Seligman (2011) ก็เน้นเรื่องการเสริมสร้างจิตใจที่เข้มแข็งผ่านการปรับเปลี่ยนความคิดและความหมายในชีวิต
ทั้งนี้ อานนท์ จงรักษ์ ย้ำว่า การสร้าง ความยืดหยุ่นทางจิตใจ ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นในคืนเดียว แต่เป็นการฝึกฝนและบริหารจัดการตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงมือปฏิบัติจริงควบคู่กับความรู้เชิงทฤษฎี จะช่วยให้ทั้งบุคคลและองค์กรมีพลังในการเดินหน้าผ่านทุกการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
บทส่งท้าย: การเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนกับอานนท์ จงรักษ์
การปรับมุมมองและการพัฒนาตนเองเป็น กุญแจสำคัญในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติและกรอบความคิดไม่เพียงแต่ช่วยให้เรารับมือกับความท้าทายได้อย่างมั่นใจ แต่ยังส่งผลให้สามารถมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่ซ่อนอยู่ในทุกสถานการณ์ ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น เมื่อองค์กรนำแนวคิด Growth Mindset มาปรับใช้ จากงานวิจัยของ Carol Dweck (2006) พบว่า พนักงานที่เปลี่ยนมุมมองจากความล้มเหลวเป็นบทเรียน สามารถเติบโตและประสบความสำเร็จมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างชัดเจน
เริ่มต้นด้วยการ สังเกตความคิดและอารมณ์ ของตัวเองในแต่ละวัน จดบันทึกสิ่งที่เรามองเป็นปัญหา และลองตั้งคำถามว่าถ้าเปลี่ยนมุมมองจะเห็นเรื่องนั้นอย่างไร สิ่งนี้ช่วยให้ประสาทสมองเปิดรับแนวคิดใหม่ได้ง่ายขึ้น
ขั้นตอนต่อมา คือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและแบ่งเป็นเป้าหมายย่อยที่ทำได้จริง เช่น หากต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสาร ให้กำหนดว่าแต่ละสัปดาห์จะฝึกพูดในที่ประชุมหรือถามความคิดเห็นจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจและเพิ่มทักษะอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ การมี โค้ชหรือกลุ่มสนับสนุน ยังช่วยเพิ่มกำลังใจ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยวในกระบวนการปรับตัว
ปัญหาทั่วไปที่หลายคนเผชิญ คือการล้มเลิกกลางทาง เพราะขาดความสม่ำเสมอหรือเกิดความสงสัยในตัวเอง วิธีแก้ไขคือตั้ง ระบบเตือนความจำ เช่น การใช้แอปพลิเคชันติดตามเป้าหมาย หรือบันทึกความคืบหน้า ลงในสมุดบันทึก และไม่ลืมที่จะให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมายย่อย เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อเนื่อง
อานนท์ จงรักษ์ ขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สามารถต่อยอดไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ท่านสามารถติดตามเนื้อหาลึกซึ้งเพิ่มเติมหรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปพัฒนาตนเองได้ที่เว็บไซต์หลักของอานนท์ หรือผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับแรงบันดาลใจและเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
แหล่งอ้างอิง:
Carol S. Dweck, Mindset: The New Psychology of Success, 2006
อานนท์ จงรักษ์, การอบรมและให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาตนเอง (ประสบการณ์ตรง 15 ปี)
ความคิดเห็น